การใช้สถานะ Gross Position คือการที่ผู้ลงทุนสามารถถือสถานะ Long และ Short ในสัญญา Series เดียวกันได้พร้อมกัน ซึ่งในปี 2025 ผู้ลงทุนทั่วไปสามารถถือสถานะสินค้าใน TFEX แบบ Gross position ข้ามวันได้ ซึ่งช่วยให้สามารถวางแผนการลงทุนโดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนได้ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
วิดีโอนี้จะพาคุณไปรู้จัก และทำความเข้าใจ Gross Position ให้มากขึ้น
- ความแตกต่างระหว่างการถือสถานะแบบ Gross Position และ Net Position
- หลักเกณฑ์การวางหลักประกันในระบบ Gross Position
- แนวทางการเปิดใช้งาน และสิ่งที่ผู้ลงทุนควรทราบก่อนตัดสินใจใช้งาน
FAQ
การเปิดสถานะ Gross Position คือการเปิดให้ผู้ลงทุนสามารถถือสถานะ Long และ Short ในสัญญา Series เดียวกันได้พร้อมกัน โดยระบบจะไม่ทำการหักล้างสถานะโดยอัตโนมัติ
การเปิดบัญชีลักษณะนี้ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถใช้กลยุทธ์การเทรดที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น การทำ Hedge หรือการเก็งกำไรระยะสั้นในทิศทางตรงกันข้ามกับสถานะที่มีอยู่
สำนักหักบัญชี (TCH) ยังคงใช้หลักการ Net Margin ในการคำนวณหลักประกันตามเดิม เช่น หากนักลงทุนมีสัญญา Long และ Short ใน Series เดียวกัน ระบบจะมองว่าไม่มีความเสี่ยงและไม่เรียกหลักประกันเพิ่มเติม
หากผู้ลงทุนมีสถานะ Long อยู่แล้ว และต้องการเปิดสถานะ Short ในสัญญาเดียวกัน ต้องระบุประเภทคำสั่งให้ชัดเจน เช่น: S50Z25 Short + Open เพื่อให้ระบบเข้าใจว่าเป็นการเปิดสถานะใหม่ ไม่ใช่การปิดสถานะที่มีอยู่
- ต้องส่งคำสั่ง S50Z25 Long + Close จำนวน 1 สัญญา
- หลังจากปิดสถานะ Short แล้ว จะเหลือสถานะ Long เพียงด้านเดียว (Outright Position)
หมายเหตุ: การ "ฉีกขา" ออกจาก Spread Position ไปเป็น Outright Position เช่นนี้จะต้องมีหลักประกันเพียงพอสำหรับการถือ Outright ด้วยหากหลักประกันไม่พอ ระบบจะไม่อนุญาตให้ทำรายการ
ครอบคลุมทุกสินค้าใน TFEX ทั้ง Futures และ Options
ไม่จำเป็น ขึ้นอยู่กับนโยบายของโบรกเกอร์แต่ละราย ซึ่งอาจกำหนดเงื่อนไขหรือคุณสมบัติของลูกค้าที่สามารถใช้บริการได้
ไม่สามารถทำได้ ต้องเลือกใช้เพียงรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเท่านั้น
สามารถทำได้ เช่น บัญชีหนึ่งใช้แบบ Net Position และอีกบัญชีหนึ่งใช้แบบ Gross Position ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของโบรกเกอร์
สามารถใช้ได้ โดยไม่มีข้อจำกัด
หากนักลงทุนมีเงินทุน (Equity Balance) ไม่เพียงพอ การถือทั้ง Long และ Short พร้อมกันจำนวนมากอาจทำให้เมื่อปิดเพียงข้างหนึ่งแล้ว สถานะที่เหลืออยู่มีมูลค่าเกินวงเงินที่รองรับ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงด้านหลักประกัน นักลงทุนจึงควรตรวจสอบและบริหารพอร์ตอย่างใกล้ชิด
จะถูกนับรวมทั้งสถานะ Long และ Short ที่เปิดค้างอยู่ในตลาด
ตัวอย่างที่ 1
กรณีลูกค้าถูกเรียกจดหมาย Margin Call (T+1) 12,000 บาท แล้วในพอร์ตมีสถานะ
คำถาม การปิดสถานะ Short SET50 ออกไป คิดหักลบสำหรับการ Call T+1 ที่ถูกเรียกหลักประกันเพิ่ม หรือไม่ คำตอบ การปิดสถานะ Short SET50 ข้างหนึ่งออกไปจะทำให้หลักประกันเพิ่ม ไม่ใช่หลักประกันลดลง
ลูกค้าปิด USD Futures 1 สัญญา ทำให้ IM ลดลง 910 บาท ลูกค้าจะปิดสถานะ Short SET50 1 ข้างทำให้ IM เพิ่ม 11,375 บาท (จากเดิม Long และ Short SET50 Futures Same Series คิด IM = 0) ซึ่งระบบจะไม่ยอมให้ส่งคำสั่งปิดข้างหนึ่งเพราะหลักประกันไม่เพียงพอ
ลูกค้าต้องปิดสัญญาอื่นแทนเพื่อให้ IM ที่ลดลงทั้งหมดมีมูลค่ามากกว่าจำนวน Margin Call 12,000 บาท ดังนั้น ลูกค้าต้องปิดสัญญาเพิ่มเพื่อให้ IM ลดลงอีก 12,000-910 = 11,090 บาท
ตัวอย่างที่ 2
กรณีลูกค้าถูกเรียกจดหมาย Margin Call (T+1) 30,000 บาท แล้วในพอร์ตมีสถานะ Long S50 = 5 สัญญา (IM รวม = 56,875 บาท)
คำถาม กรณีดังกล่าวถือว่าลูกค้าทำการ Action ให้สถานะในพอร์ตลดลงจน Cover จดหมาย Margin Call แล้วใช่ไหม
คำตอบ ใช่ หลักประกันลดลงมากกว่าจำนวนเงิน Margin Call แล้ว อย่างไรก็ดี พฤติกรรมดังกล่าวอาจถูกพิจารณาว่าเป็นการ Open Same Series ฝั่งตรงข้ามเพื่อหลบเลี่ยง Margin Call สิ่งที่พึงปฏิบัติ คือ Short Close ออกไป 4 สัญญา
ตัวอย่างที่ 3
กรณีลูกค้ามี Gold Online Futures : Long = 10 สัญญา ( IM = 586,250 บาท) EE = 2,000 บาท
คำถาม IM ที่ลดลงนี้ หากลูกค้าส่งคำสั่งถอนเงิน (คืนนั้น) 580,000 บาท Broker ต้องคิดว่ารายการ Same Series ที่เกิดขึ้นนี้ Settlement : T+1 เหมือนการปิดสถานะทั่วไป ที่จะสามารถถอนเงินออกได้ในวันที่ T+1 ใช่ไหม
คำตอบ ใช่ ซึ่งสถานะที่เกิดขึ้นเป็นการถือ Gross Position แบบ Long & Short Same Series ซึ่งไม่คิดหลักประกัน (IM =0) ทำให้ลูกค้าสามารถถอนเงิน Excess Equity ออกจากบัญชีได้ตามนโยบายของแต่ละบริษัทสมาชิก
กรณีลูกค้าถูกเรียกจดหมาย Margin Call (T+1) 12,000 บาท แล้วในพอร์ตมีสถานะ
| Long + Short SET50 ใน Same Series | 1 คู่ (IM Outright S50 = 11,375) |
| Long Gold Online | 2 สัญญา (IM Outright = 58,625) |
| Long USD/THB Futures | 10 สัญญา (IM Outright = 910) |
- ลูกค้าทำการปิดสถานะ USD Futures = 1 สัญญา (IM = 910)
- ลูกค้าจะทำการปิดสถานะฉีก Same Series ออก 1 ข้าง ทำให้เหลือ Long SET50 1 สัญญา
คำถาม การปิดสถานะ Short SET50 ออกไป คิดหักลบสำหรับการ Call T+1 ที่ถูกเรียกหลักประกันเพิ่ม หรือไม่ คำตอบ การปิดสถานะ Short SET50 ข้างหนึ่งออกไปจะทำให้หลักประกันเพิ่ม ไม่ใช่หลักประกันลดลง
ลูกค้าปิด USD Futures 1 สัญญา ทำให้ IM ลดลง 910 บาท ลูกค้าจะปิดสถานะ Short SET50 1 ข้างทำให้ IM เพิ่ม 11,375 บาท (จากเดิม Long และ Short SET50 Futures Same Series คิด IM = 0) ซึ่งระบบจะไม่ยอมให้ส่งคำสั่งปิดข้างหนึ่งเพราะหลักประกันไม่เพียงพอ
ลูกค้าต้องปิดสัญญาอื่นแทนเพื่อให้ IM ที่ลดลงทั้งหมดมีมูลค่ามากกว่าจำนวน Margin Call 12,000 บาท ดังนั้น ลูกค้าต้องปิดสัญญาเพิ่มเพื่อให้ IM ลดลงอีก 12,000-910 = 11,090 บาท
ตัวอย่างที่ 2
กรณีลูกค้าถูกเรียกจดหมาย Margin Call (T+1) 30,000 บาท แล้วในพอร์ตมีสถานะ Long S50 = 5 สัญญา (IM รวม = 56,875 บาท)
- ระหว่างวันตลาดกลับด้าน ทำให้ EB > IM = 500 บาท ลูกค้าทำการ Open Same Series ฝั่งตรงข้าม = 4 สัญญา (IM ลูกค้าลดลง 45,500 บาท)
คำถาม กรณีดังกล่าวถือว่าลูกค้าทำการ Action ให้สถานะในพอร์ตลดลงจน Cover จดหมาย Margin Call แล้วใช่ไหม
คำตอบ ใช่ หลักประกันลดลงมากกว่าจำนวนเงิน Margin Call แล้ว อย่างไรก็ดี พฤติกรรมดังกล่าวอาจถูกพิจารณาว่าเป็นการ Open Same Series ฝั่งตรงข้ามเพื่อหลบเลี่ยง Margin Call สิ่งที่พึงปฏิบัติ คือ Short Close ออกไป 4 สัญญา
ตัวอย่างที่ 3
กรณีลูกค้ามี Gold Online Futures : Long = 10 สัญญา ( IM = 586,250 บาท) EE = 2,000 บาท
- Night Session คืนนั้น ลูกค้าส่งคำสั่ง Short GO: Same Series 10 สัญญา
คำถาม IM ที่ลดลงนี้ หากลูกค้าส่งคำสั่งถอนเงิน (คืนนั้น) 580,000 บาท Broker ต้องคิดว่ารายการ Same Series ที่เกิดขึ้นนี้ Settlement : T+1 เหมือนการปิดสถานะทั่วไป ที่จะสามารถถอนเงินออกได้ในวันที่ T+1 ใช่ไหม
คำตอบ ใช่ ซึ่งสถานะที่เกิดขึ้นเป็นการถือ Gross Position แบบ Long & Short Same Series ซึ่งไม่คิดหลักประกัน (IM =0) ทำให้ลูกค้าสามารถถอนเงิน Excess Equity ออกจากบัญชีได้ตามนโยบายของแต่ละบริษัทสมาชิก