เปิดบัญชีอนุพันธ์กับโบรกเกอร์ ที่เป็นสมาชิกของ TFEX | |
เนื่องจากการส่งคำสั่งซื้อขาย Futures หรือ Options ผู้ลงทุนจะต้องส่งคำสั่งผ่านโบรกเกอร์ที่เป็นสมาชิกของตลาด TFEX ดังนั้น ผู้ลงทุนจะต้องเปิดบัญชีอนุพันธ์ก่อน ซึ่งเป็นคนละบัญชีกับการซื้อขายหุ้นหรือหลักทรัพย์ โดยบัญชีอนุพันธ์บัญชีเดียวสามารถ ซื้อขายได้ทุกสินค้าใน TFEX | |
เปิดบัญชีอนุพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ คลิก ตรวจสอบรายชื่อโบรกเกอร์ที่เป็นสมาชิกของตลาด TFEX คลิก |
กระบวนการในการเปิดบัญชีอนุพันธ์ไม่ได้ต่างจากการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นมากนัก โดยผู้ลงทุนต้องทำการพิสูจน์ตัวตน (KYC) และประเมินระดับความเสี่ยงในการลงทุนที่เหมาะสมกับลูกค้า ส่วนเอกสารเบื้องต้นที่ต้องใช้ประกอบการเปิดบัญชีมีดังนี้หรือตามแต่ละโบรกเกอร์ร้องขอ
1. สำเนาบัตรประชาชน
2. สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร
3. Statement ย้อนหลัง (ขึ้นกับบริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทสมาชิก ที่ท่านได้เปิดบัญชี)
วางเงินประกันก่อนการซื้อขาย | |
การซื้อขายอนุพันธ์ผู้ลงทุนไม่ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนตามมูลค่าสัญญา แต่จะวางเพียงแค่ เงินหลักประกันประมาณ 5-20% ของมูลค่าสัญญา หรือตามที่โบรกเกอร์กำหนดโดยใน บัญชีอนุพันธ์จะต้องมีเงินเพียงพอ อย่างน้อยเท่ากับหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin) ของสินค้านั้น ก่อนการส่งคำสั่งซื้อขาย | |
ทำความเข้าใจเงินวางหลักประกันในตลาด TFEX คลิก |
ส่งคำสั่งซื้อขาย | |
การซื้อขายในตลาด TFEX ใช้วิธีการจับคู่คำสั่งระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย คล้ายกับการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยการส่งคำสั่งซื้อขาย Futures และ Options ใน TFEX จะต้องระบุรายละเอียดอย่างน้อยดังต่อไปนี้ | |
ต้องการ “ซื้อ” (Long) หรือ “ขาย” (Short) สินค้าประเภทไหน ต้องการซื้อหรือขายสัญญาที่สิ้นสุดอายุ “เดือน” ไหน ต้องการซื้อหรือขาย ที่ “ราคา” เท่าใด ต้องการซื้อหรือขาย “จำนวน” กี่สัญญา | |
ทำความเข้าใจวิธีการส่งคำสั่งซื้อในตลาด TFEX คลิก |
ติดตามผลกำไรขาดทุน | |
หลังจากส่งคำสั่งซื้อขายหรือมีสถานะสัญญาใน TFEX แล้ว ทุกสิ้นวันทำการจะมีการปรับ ยอดเงินหลักประกันที่ผู้ลงทุนวางไว้ให้เป็นปัจจุบัน (Mark to Market) หรือพูดง่ายๆ ว่าจะ มีการคำนวณเงินกำไรขาดทุนทุกๆสิ้นวันทำการโดยหากมีผลกำไรจะมีการโอนเงินส่วน กำไรเข้าบัญชี แต่หากขาดทุนเงินประกันจะถูกหักออกจากบัญชี ดังนั้น เงินหลักประกันที่ผู้ลงทุนวางไว้ตอนแรกอาจจะปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามราคาสินค้าที่เปลี่ยนแปลงไปหรือ กำไรขาดทุนที่เกิดขึ้น ในแต่ละวันผู้ลงทุนจึงควรติดตามผลการซื้อขาย โดยคำนึงถึง 3 สิ่งที่สำคัญ คือ สถานะพอร์ต กำไรหรือขาดทุน อัตราหลักประกันคงเหลือ และทิศทางตลาดเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่คาดการณ์หรือไม่ |
เปิดบัญชีอนุพันธ์กับโบรกเกอร์ ที่เป็นสมาชิกของ TFEX | |
เนื่องจากการส่งคำสั่งซื้อขาย Futures หรือ Options ผู้ลงทุนจะต้องส่งคำสั่งผ่านโบรกเกอร์ที่เป็นสมาชิกของตลาด TFEX ดังนั้น ผู้ลงทุนจะต้องเปิดบัญชีอนุพันธ์ก่อน ซึ่งเป็นคนละบัญชีกับการซื้อขายหุ้นหรือหลักทรัพย์ โดยบัญชีอนุพันธ์บัญชีเดียวสามารถ ซื้อขายได้ทุกสินค้าใน TFEX เปิดบัญชีอนุพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ คลิก ตรวจสอบรายชื่อโบรกเกอร์ที่เป็นสมาชิกของตลาด TFEX คลิก |
กระบวนการในการเปิดบัญชีอนุพันธ์ไม่ได้ต่างจากการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นมากนัก โดยผู้ลงทุนต้องทำการพิสูจน์ตัวตน (KYC) และประเมินระดับความเสี่ยงในการลงทุนที่เหมาะสมกับลูกค้า ส่วนเอกสารเบื้องต้นที่ต้องใช้ประกอบการเปิดบัญชีมีดังนี้หรือตามแต่ละโบรกเกอร์ร้องขอ
1. สำเนาบัตรประชาชน
2. สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร
3. Statement ย้อนหลัง (ขึ้นกับบริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทสมาชิก ที่ท่านได้เปิดบัญชี)
วางเงินประกันก่อนการซื้อขาย | |
การซื้อขายอนุพันธ์ผู้ลงทุนไม่ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนตามมูลค่าสัญญา แต่จะวางเพียงแค่ เงินหลักประกันประมาณ 5-20% ของมูลค่าสัญญา หรือตามที่โบรกเกอร์กำหนดโดยใน บัญชีอนุพันธ์จะต้องมีเงินเพียงพอ อย่างน้อยเท่ากับหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin) ของสินค้านั้น ก่อนการส่งคำสั่งซื้อขาย ทำความเข้าใจเงินวางหลักประกันในตลาด TFEX คลิก |
ส่งคำสั่งซื้อขาย | |
การซื้อขายในตลาด TFEX ใช้วิธีการจับคู่คำสั่งระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย คล้ายกับการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยการส่งคำสั่งซื้อขาย Futures และ Options ใน TFEX จะต้องระบุรายละเอียดอย่างน้อยดังต่อไปนี้ | |
ต้องการ “ซื้อ” (Long) หรือ “ขาย” (Short) สินค้าประเภทไหน ต้องการซื้อหรือขายสัญญาที่สิ้นสุดอายุ “เดือน” ไหน ต้องการซื้อหรือขาย ที่ “ราคา” เท่าใด ต้องการซื้อหรือขาย “จำนวน” กี่สัญญา ทำความเข้าใจวิธีการส่งคำสั่งซื้อในตลาด TFEX คลิก |
ติดตามผลกำไรขาดทุน | |
หลังจากส่งคำสั่งซื้อขายหรือมีสถานะสัญญาใน TFEX แล้ว ทุกสิ้นวันทำการจะมีการปรับ ยอดเงินหลักประกันที่ผู้ลงทุนวางไว้ให้เป็นปัจจุบัน (Mark to Market) หรือพูดง่ายๆ ว่าจะ มีการคำนวณเงินกำไรขาดทุนทุกๆสิ้นวันทำการโดยหากมีผลกำไรจะมีการโอนเงินส่วน กำไรเข้าบัญชี แต่หากขาดทุนเงินประกันจะถูกหักออกจากบัญชี ดังนั้น เงินหลักประกันที่ผู้ลงทุนวางไว้ตอนแรกอาจจะปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามราคาสินค้าที่เปลี่ยนแปลงไปหรือ กำไรขาดทุนที่เกิดขึ้น ในแต่ละวันผู้ลงทุนจึงควรติดตามผลการซื้อขาย โดยคำนึงถึง 3 สิ่งที่สำคัญ คือ สถานะพอร์ต กำไรหรือขาดทุน อัตราหลักประกันคงเหลือ และทิศทางตลาดเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่คาดการณ์หรือไม่ |