กรณีศึกษา : SET50 Futures ลงทุนระยะยาวได้ สร้างผลตอบแทนตามดัชนีได้
ปัจจุบันกลยุทธ์ในการลงทุนเชิงรับ (Passive Strategy) ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยกลยุทธ์การลงทุนเชิงรับ เป็นกลยุทธ์การลงทุนเพื่อต้องการรับผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของตลาดหุ้นโดยรวม โดยไม่ต้องใช้ความพยายามในส่วนของการคัดเลือกหุ้น เพื่อหวังผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาด
เครื่องมือพื้นฐานที่นักลงทุนใช้ในการลงทุนด้วยกลยุทธ์แบบ Passive Strategy ได้แก่ กองทุนรวมทั่วไปที่มีนโยบายการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนอ้างอิง (Mutual Fund ที่มีนโยบายลงทุนเชิงรับ) และกองทุนรวมดัชนี (Exchange Trade Fund หรือ ETF เป็นกองทุนที่มีนโยบายเชิงรับ แต่สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนมือกันได้ในตลาดหลักทรัพย์เหมือนหุ้นตัวหนึ่ง) ซึ่งตัวเลขที่ถูกนำมาใช้ในการอ้างอิงผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยมากที่สุดตัวหนึ่ง คือ ผลตอบแทนของของดัชนี SET50 ซึ่งเป็นดัชนีที่คำนวณจากหุ้นขนาดใหญ่ 50 ตัว และมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด
มีข้อสังเกตอย่างหนึ่ง คือ SET50 Index Futures เป็นฟิวเจอร์สที่มีการซื้อขายอยู่ใน TFEX โดยมีสินค้าอ้างอิง คือ ดัชนี SET50 จึงทำให้การปรับตัวขึ้นลงของ SET50 Index Futures เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนี SET50 ตลอดเวลาและในวันที่ SET50 Index Futures ซื้อขายเป็นวันสุดท้ายของแต่ละซีรีย์ ยังใช้ดัชนี SET50 ในวันนั้นๆ เป็นค่าอ้างอิงใน การคำนวณผลกำไรขาดทุนตอนที่สัญญาหมดอายุด้วย จากเหตุผลข้างต้น ทำให้ผลตอบแทนที่ได้จากการถือสัญญาในฝั่งซื้อ (Long Position) ใน SET50 Index Futures จะมีความใกล้เคียงกับผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในดัชนี SET50 ด้วย ทำให้เกิดแนวความคิดว่า ถ้าต้องการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยอ้างอิงผลตอบแทนจากดัชนี SET50 จะสามารถใช้ SET50 Index Futures เป็นเครื่องมือหนึ่งในการลงทุนได้หรือไม่
ข้อกังวลที่ใหญ่ที่สุดของผู้ลงทุนที่จะใช้ SET50 Index Futures เป็นเครื่องมือในการลงทุนตามกลยุทธ์เชิงรับ คือ การที่สัญญา SE50 Index Futures มีวันหมดอายุ ใช้กลไกการซื้อขายด้วยการวางเงินประกัน และมีกระบวนการเรียกหลักประกันเพิ่ม หากมีผลขาดทุนจนทำให้เงินประกันที่วางไว้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด จึงไม่น่าจะเหมาะที่ใช้ SET50 Index Futures เป็นเครื่องมือในการลงทุนในดัชนีระยะยาว อย่างไรก็ตาม มีผู้ลงทุนจำนวนหนึ่ง ที่ใช้กลยุทธ์เชิงรับเพื่อต้องการผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากตลาดหุ้นไทย เลือกใช้ SET50 Index Futures เป็นเครื่องมือ ซึ่งเหตุผลที่สามารถทำเช่นนี้ได้เพราะถึงแม้ว่า SET50 Index Futures ในแต่ละซีรีส์จะมีวันหมดอายุ แต่กรณีที่ต้องการถือสัญญา SET50 Index Futures ให้นานขึ้นก็สามารถทำได้ โดยล้างสถานะสัญญาเดิมที่มีอยู่ แล้วไปสร้างสัญญาใหม่ที่มีระยะเวลายาวขึ้น หรือที่เรียกว่าการ Roll Over ในการ Roll Over แต่ละครั้ง สำหรับผู้ที่ถือสัญญาฝั่งซื้อ (Long Position) SET50 Index Futures มีข้อได้เปรียบ คือราคาของ SET50 Index Futures ซีรีส์ที่มีอายุยาวกว่าจะมีราคาที่ถูกกว่า SET50 Index Futures ซีรีส์ที่มีอายุสั้นกว่า ทำให้เมื่อต้องการ Roll Over โดยการขายสัญญาที่มีอายุสั้นกว่า แล้วไปซื้อสัญญาที่มีอายุยาวกว่า จะสามารถขายสัญญาที่มีอายุสั้นกว่าได้ในราคาที่แพง และซื้อสัญญาที่มีอายุสั้นกว่าการที่ราคาของ SET50 Index Futures ซีรีส์ที่มีอายุยาวกว่ามีราคาถูกกว่าซีรีส์ที่มีอายุสั้นกว่าเนื่องจาก ในทางทฤษฎีเมื่อหุ้นที่อยู่ในกลุ่มดัชนี SET50 มีการจ่ายเงินปันผล ผู้ที่ถือกองทุนรวมดัชนีที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 จะได้รับปันผล แต่ที่ผู้ที่ถือสัญญา SET50 Index Futures จะไม่ได้รับเงินปันผล ปัจจัยของเงินปันผลนี้จึงส่งผลสะท้อนไปยังราคาของ SET50 Index Futures ซีรีส์ที่มีอายุยาว (ข้ามช่วงที่จ่ายเงินปันผล) ต้องมีส่วนลดจาก SET50 Index Futures ซีรีส์ที่มีอายุสั้นกว่า ซึ่งราคาซื้อขายของ SET50 Index Futures ที่ผ่านมาก็มีลักษณะเช่นนี้มาโดยตลอด ผลประโยชน์ที่ผู้ลงทุนระยะยาวด้วย SET50 Index Futures ได้รับจากการ Roll Over ไปยังซีรีส์ที่มีอายุยาวขึ้นในราคาที่ถูกลงก็คล้ายกับว่าผู้ลงทุนใน SET50 Index Futures ได้รับเงินปันผลด้วยเช่นเดียวกัน