ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX ได้เปิดให้นักลงทุนเข้ามาสร้างโอกาสทำกำไร ใช้เป็นช่องทางกระจายความเสี่ยง หรือใช้เป็นเครื่องมือในการประกันราคาสินค้าตั้งแต่ พ.ศ. 2549 จนถึงวันนี้ (วันที่โพสต์) 15 ปีแล้ว TFEX Station จึงอยากชวนทุกท่านมาดูผลิตภัณฑ์ใน TFEX ที่น่าสนใจและเปิดให้ซื้อขายกันอยู่ ณ ปัจจุบัน ว่าเริ่มต้นขายตั้งแต่เมื่อไหร่และผลิตภัณฑ์ต่างๆ เหล่านั้นมีคุณสมบัติเด่นที่เหมาะสำหรับทำอะไรบ้าง
สถานี TFEX พ.ศ. 2549 - 2551
1) SET50 Index Futures (2549)
ภายหลังจัดตั้ง บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ใน พ.ศ. 2547 TFEX ได้เปิดให้ซื้อขาย SET50 Index Futures เป็นผลิตภัณฑ์แรกเมื่อ 28 เมษายน 2549 โดยอ้างอิงกับราคาดัชนีราคาหุ้น 50 ตัวที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง การซื้อขายมีสภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอ และมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยผ่านเกณฑ์ที่กำหนด และในเดือนสิงหาคมปีเดียวกันก็ได้เพิ่มความสะดวกให้กับนักลงทุนโดยเปิดให้ซื้อขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ปัจจุบันนับเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในตลาด TFEX
2) SET50 Index Options (2550)
จากนั้น 29 ตุลาคม 2550 จึงเริ่มเปิดให้ซื้อขาย SET50 Index Options ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผู้ลงทุนสามารถเป็นได้ทั้งผู้ซื้อสิทธิ (ชำระเงินแล้วลุ้นว่าจะได้ใช้สิทธิหรือไม่) หรือจะเป็นผู้ขายสิทธิ (รับเงินแล้วลุ้นว่าจะมีคนมาใช้สิทธิหรือไม่) โดยสามารถใช้เพื่อสร้างโอกาสทำกำไรจากทิศทาง หรือจะใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงดัชนีขาลง หรือสร้างกลยุทธ์การลงทุนร่วมกับ SET50 Index Futures ก็ได้เช่นกัน ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
3) Single Stock Futures (2551)
ต่อมา 24 พฤศจิกายน 2551 Single Stock Futures เริ่มเปิดให้ซื้อขาย โดยเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงราคากับหุ้นรายตัว ซึ่งการลงทุนในสัญญาล่วงหน้านี้ใช้เงินลงทุนน้อย เพราะวางเงินเริ่มต้นประมาณ 10% ของมูลค่าหุ้นนั้นๆ และมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายถูกกว่าการลงทุนในหุ้นโดยตรง จึงได้รับความนิยมสูงมากจากผู้ที่ลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET100 และต้องการสร้างโอกาสทำกำไร จากการขึ้น-ลงของราคาหุ้น
สถานี TFEX พ.ศ. 2552 - 2555
ช่วงนี้ TFEX ได้เพิ่มประเภทของสินค้าอ้างอิง และปรับปรุงกฏเกณฑ์ต่างๆเพื่อรองรับความต้องการซื้อขายของผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
4) 50 Baht Gold Futures (2552)
5) 10 Baht Gold Futures (2552)
ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2552 TFEX ก็ได้เปิดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าที่อ้างอิงราคากับทองคำมาตรฐานไทยผลิตภัณฑ์แรกคือ Gold Futures ขนาด ทองคำน้ำหนัก 50 บาท ทำให้ผู้ลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น และมาลงทุนในทองคำได้ รวมไปถึงการลงทุนใน Gold Futures ยังใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการลงทุนในทองคำจริง โดยใช้เงินเริ่มต้นลงทุนเพียง 10 - 15% ของมูลค่าทองคำ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจติดตามข่าวราคาทองคำ ต้องสร้างโอกาสทำกำไร หรือกระจายความเสี่ยงและแต่มีเงินลงทุนไม่เยอะ นอกจากนี้ในปีเดียวกันเดือนสิงหาคม TFEX ได้เพิ่ม Gold Futures ทองคำน้ำหนัก 10 บาท ให้ลงทุน ซึ่งเพิ่มความล่องตัวให้กับนักลงทุน เพราะเงินที่ใช้เริ่มต้นลงทุนนั้นลดลงไปมากกว่าสัญญา Gold Futures ทองคำน้ำหนัก 50
6) 5Y Gov Bond (2553)
7) 3M BIBOR Futures (2553)
8) 6M THBFIX Futures (2553) *ปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว
เพื่อให้มีสินค้าครอบคลุม TFEX ได้เปิดให้มีสินค้าฟิวเจอร์สที่อ้างอิงดอกเบี้ยระยะสั้น 3M ระยะกลาง 6M และระยะยาว 5Y เพื่อให้นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ สามารถเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารเงินสำหรับการลงทุนในประเทศไทยได้ โดยสินค้าตัวแรกคือ 5Y Gov Bond ในวันที่ 18 ต.ค. และในวันที่ 29 พ.ย.
9) Oil Futures (2554) *ปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว
ในวันที่ 17 ต.ค.54 ได้มีการเปิดให้ซื้อขาย Brent Oil Futures เนื่องจากราคาน้ำมันดิบโลกมีความผันผวนมาก และราคาน้ำมันดิบยังมีการเคลื่อนไหวที่ไม่สัมพันธ์กับราคาหุ้นมากนัก จึงทำให้ผู้ลงทุนที่มีพอร์ตหุ้นอยู่ สามารถซื้อขาย Oil Futures เพื่อลดความเสี่ยงให้กับพอร์ตหุ้นได้อีก สำหรับในภาคธุรกิจนั้น ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีต้นทุนด้านพลังงานในสัดส่วนสูง เช่น ขนส่ง โลจิสติกส์ เป็นต้น ก็สามารถใช้ Oil futures เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการต้นทุนด้านพลังงานได้เช่นกัน
10) Silver Futures (2555) *ปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว
Silver Futures เปิดให้เทรดเมื่อ วันที่ 20 มิถุนายน 2554 เป็นสินค้าที่อ้างอิงราคากับโลหะเงิน โดยผู้ลงทุนสามารถใช้เป็นเครื่องมือสร้างโอกาสทำกำไร หรือผู้ประกอบการที่ต้องรับความเสี่ยงกับความผันผวนของราคาโลหะเงินก็สามารถใช้ในการบริหารความเสี่ยงได้เช่นกัน
11) USD Futures (2555)
นอกจากผลิตภัณฑ์ที่ราคาอ้างอิงกับโลหะหรือหุ้นแล้ว TFEX ก็ได้ออกผลิตภัณฑ์ที่ทำให้สามารถซื้อขายสัญญาซื้อขายดอลลาร์ล่วงหน้าได้ ในชื่อ USD Futures ซึ่งเปิดให้ซื้อขายเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2555 โดย USD Futures เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออก และมีความเกี่ยวข้องกับค่าเงินดอลลาร์ สามารถใช้เป็นเครื่องมือป้องกันหรือกระจายความเสี่ยงด้านอัตราการแลกเปลี่ยนได้ หรือผู้ที่ต้องการสร้างโอกาสทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน
12) Sector Futures (2555)
ในวันที่ 29 ต.ค. ตลาดเปิดให้มีการซื้อขาย Sector Futures จำนวน 5 หมวดธุรกิจหลัก ได้แก่ Bank Commerce Energy Food&Beverage และ ICT เพื่อให้นักลงทุนที่อ้างอิงผลตอบแทนตามกลุ่มธุรกิจสามารถมีเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหุ้นรายตัว
สถานี TFEX พ.ศ. 2559 - 2563
ในช่วงนี้ ทาง TFEX ได้ออกผลิตภัณฑ์เจาะกลุ่มนักลงทุนที่ปกติลงทุนกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในต่างประเทศ ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักลงทุนชาวไทยเป็นอย่างมาก โดยมีผลิตภัณฑ์ดังนี้
13) RSS3 Futures (2559)
14) RSS3D Futures (2559)
RSS3 Futures และ RSS3D Futures เป็นสินค้าที่อ้างอิงราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ได้เปิดให้ซื้อขายเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ และ 16 พฤษภาคม 2559 โดย RSS3 เน้นเทรดไม่เน้นส่งมอบ ส่วน RSS3D ผู้ซื้อขายสามารถรับมอบ-ส่งมอบสินค้าได้จริง ดังนั้นผู้ที่มียางก็สามารถนำมาขายได้ ผู้ลงทุนจึงสามารถสร้างโอกาสทำกำไรได้ 2 ต่อ รวมไปถึงผู้ประกอบการสามารถใช้ป้องกันความเสี่ยงหรือใช้อ้างอิงในทำธุรกิจยางพาราได้เช่นกัน
15) Gold-D Futures (2560)
เปิดให้ซื้อขายเมื่อ 4 กันยายน 2560 โดยเป็นสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าอีกสินค้าที่มีจุดเด่นในการรับมอบส่งมอบทองคำจริงได้ โดยราคาซื้อขายอ้างอิงราคาทองคำสกุลเงินดอลลาร์ และสามารถถือโดยแปลงเป็นเงินบาทเพื่อรับมอบส่งมอบได้
16) Silver Online Futures (2563)
Silver Online Futures สัญญาซื้อขายโลหะเงินล่วงหน้า เปิดให้ซื้อขายเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2563 อ้างอิงราคาตามซิลเวอร์ในตลาดโลกเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แต่ชำระราคาเป็นเงินบาท ทำให้ผู้ลงทุนไร้ความเสี่ยงเรื่องค่าเงินและสามารถติดตามวิเคราะห์ราคาซื้อขายได้สะดวก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างโอกาสทำกำไรจากการผันผวนของราคาโลหะแต่ไม่ต้องการส่งมอบสินค้าจริง
17) Japanese Rubber Futures (2563)
TFEX ได้ออกสัญญาซื้อขายที่อ้างอิงราคายางพาราตัวใหม่เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2563 โดย Japanese Rubber Futures อ้างอิงกับราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 มีความแตกต่างกับ RSS3D Futures คือผู้ซื้อขายไม่ต้องส่งมอบสินค้าจริง และซื้อขายเป็นสกุลเงินเยนต่อกิโลกรัม แต่ชำระราคาและคำนวณกำไรขาดทุนเป็นเงินบาท ผู้ลงทุนจึงไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเงิน เหมาะกับผู้ที่สนใจติดตามราคายางและต้องการสร้างโอกาสทำไร
ดูรายละเอียดสินค้าใน TFEX เพิ่มเติมได้ที่นี่