โดยทีม TFEX Business จาก Finansia Syrus
ผมเชื่อว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของผู้ลงทุนหลายคนใน TFEX คือ เทรดแล้วไม่ได้กําไร ในบทความ นี้จะเฉลยเหตุผลให้ได้รู้กันว่า ทำไมทั้ง ๆ ที่ผลการเทรดที่ออกมาก็เป็นกําไรบ้างขาดทุนบ้างสลับกันไป แต่สุดท้าย การเทรดออกมาของคนส่วนใหญ่จึงเป็นขาดทุน พร้อมทั้งแนะนําตัวเลขตัวหนึ่งที่สำคัญและเป็นตัวเลขที่ผมคิดว่าให้ ผู้ลงทุนที่สนใจเทรด TFEX ต้องรู้!! เพราะเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยในการแก้ไขปัญหาข้างต้นนั่นเอง
มีขาดทุนครั้งใหญ่ทำให้เทรดไปก็ไม่ได้กําไร
เหตุผลหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้ลงทุนที่เทรด TFEX ส่วนใหญ่ไม่ได้กําไร ก็คือ การปล่อยให้ตัวเองเกิดผล ขาดทุนครั้งใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดของเงินลงทุนซึ่งการที่จะทำกําไรกลับคืนมาเพื่อชดเชยผลขาดทุนที่เสียไป นั้นทำได้ยาก ถ้าเราเลือกวิธีทำกําไรที่ละนิดเพื่อนํามาชดเชยผลขาดทุนก้อนใหญ่ก็จะต้องทำกําไรให้ได้หลาย ๆ ครั้ง แต่ถ้าเราใช้วิธีเสี่ยงจำนวนมากเพื่อหวังกําไรก้อนโตก็เป็นการเพิ่มความเสี่ยงยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะถ้าเกิดผลขาดทุน ขึ้นอีกก็จะยิ่งแก้ไขสถานการณ์ยากขึ้นกว่าเดิม
การขจัดปัญหาที่ว่าออกไป ผมแนะนําให้ใช้วิธี “ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม” โดยเราต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองเกิดผล ขาดทุนในการซื้อขายครั้งใดครั้งหนึ่งเป็นจำนวนมาก ด้วยวิธีการบริหารเงินลงทุน (Money Management) ซึ่งวิธีใน การบริหารเงินลงทุนในการเทรด TFEX นั้นมีเทคนิคมากมายหลายวิธี ตั้งแต่วิธีที่ใช้แนวทางอย่างง่ายจนไปถึงขั้นที่มี ความซับซ้อนมาก ๆ สำหรับวิธีบริหารเงินลงทุนสำหรับนักลงทุนมือใหม่ และก็เป็นวิธีที่มือเก๋หลาย ๆ คนใช้งานกันอยู่ เพราะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ เข้าใจง่าย และสามารถนําไปใช้งานเพื่อซื้อขายได้ทันที คือ การจํากัดความเสี่ยง หรือผลขาดทุนที่จะเกิดขึ้นจากการเทรดในแต่ละครั้ง
ทําไมต้องจํากัดผลขาดทุนในแต่ละครั้ง
สาเหตุที่ทำให้การจํากัดความเสี่ยงในการเทรดแต่ละครั้งเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำเนื่องจากมีความจริง เหล่านี้ผู้ลงทุนทุกคนเวลาเทรด TFEX จะต้องเจออย่างหลีกหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ
เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าว่าผลการเทรดในแต่ละครั้ง ครั้งไหนจะมีผลออกมาเป็นกําไร หรือครั้ง ไหนจะมีผลออกมาเป็นขาดทุนแต่ผู้ลงทุนทุกคนจะต้องพบกับครั้งที่ผลการซื้อขายออกมาเป็นขาดทุนอย่าง แน่นอน ไม่มีใครที่จะสามารถเทรด TFEX แล้วทำกําไรได้ทุกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นอาจมีบางช่วงเวลาที่ผลการซื้อขาย ออกมาเป็นขาดทุนติดต่อกันหลายครั้งอีกด้วย
ดังนั้นเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงต่อเงินลงทุนทั้งหมดที่มี เราจึงใช้วิธีกำหนดผลขาดทุนที่จะ เกิดขึ้นสูงสุดในการเทรดแต่ละครั้ง เพราะถ้าการซื้อขายครั้งใดเกิดผลขาดทุนมาก หรือเทรดไปแล้วเกิดมีผลขาดทุน ติดต่อกันหลายครั้ง โอกาสที่จะได้ทุนคืนกลับมาก็ยิ่งยากมากขึ้น
ตัวเลข 2% ทำความรู้จักไว้ไม่ผิดหวัง
ตัวเลขที่เกี่ยวกับ Money Management ที่คนเทรด TFEX ควรรู้ คือ “อย่าขาดทุนจากการเทรดแต่ละ ครั้งเกิน 2% ของเงินต้น หมายความว่าถ้าเรามีเงินต้นที่ตั้งใจจะเอามาลงทุน 100 บาท เราจะต้องวางแผนการให้ เทรดในแต่ละครั้ง โดยให้มีผลขาดทุน ไม่เกิน 2 บาท ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้เรามีโอกาสอยู่รอดในตลาดได้ในระยะยาว
ตัวเลข 2 % นี้ไม่ใช่กฎตายตัว (Rule) แต่เป็นข้อแนะนํา (Guideline) ที่สามารถนําไปใช้งานได้ดีและ เหมาะสมกับคนส่วนใหญ่หรือผู้ลงทุนที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นเทรดที่ยังไม่รู้ว่าเราควรจะเสี่ยงด้วยเงินจำนวนเท่าไรดี เนื่องจากการที่เราเสี่ยงไม่เกินครั้งละ 2% ของเงินลงทุนที่มี ถึงแม้ว่าเราเกิดผลขาดทุนติดต่อกันหลายครั้งก็ส่งผล กระทบต่อเงินต้นไม่มาก จึงส่งผลให้โอกาสในเพลี่ยงพล้ำในการลงทุนมีน้อยนั่นเอง
ซึ่งหลังจากที่เทรดไปสักระยะแล้วและมีการจดบันทึกทำสถิติผลการเทรด แต่คนสามารถปรับตัวเลขความเสี่ยงในการเทรดแต่ละครั้งนี้ให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงเพื่อให้เหมาะกับกลยุทธ์หรือตัวเลข Performance จากการเทรดของตนเองได้
ตัวอย่างเพื่อเสริมความเข้าใจ
ตัวอย่างของการใช้งานตัวเลข 2% ถ้าเรามีเงินลงทุน 500,000 บาท ในการซื้อขาย 1 ครั้งผู้ลงทุนไม่ควร เสี่ยงที่จะเสียเงินเกิน 10,000 บาท (2% ของ 500,000) หากผู้ลงทุนกําลังสนใจทำสัญญาซื้อ SET50 Index ที่ ราคา 1,000 จุด โดยมีระดับราคาตัดขาดทุน 980 จุด ผลขาดทุนที่จะเกิดขึ้นสูงสุดจะเท่ากับ (980-1,000)*200 = 4,000 บาทต่อสัญญา (SET50 Index Futures มี ตัวคูณดัชนีเท่ากับ 200)
ตามข้อแนะนําการใช้งานตัวเลข 2% จำนวนสัญญาสูงสุดที่ผู้ลงทุนจะซื้อ SET50 Index Futures ได้ไม่ เกิน 10,00014,000 = 2.5 สัญญา ปัดเศษลงให้เป็นจำนวนเต็มคือ ไม่เกิน 2 สัญญาซึ่งจะเห็นได้ว่าการใช้งาน ตัวเลข 2% นั้น มีข้อดีอีกอย่างหนึ่ง คือ จะบังคับให้เราต้องมีการวางแผนกำหนดจุดตัดขาดทุนไว้ล่วงหน้าอีกด้วย
ดูรายละเอียดสินค้าใน SET50 Futures เพิ่มเติมได้ที่
สนใจเปิดพอร์ตลงทุนกับ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จํากัด (มหาชน)
ติดต่อ ฝ่ายธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ส่วนงานการตลาด