มาทำความรู้จักสไตล์การลงทุนใน TFEX ตอนที่ 1 สายเก็งกำไร (Speculator) กันเถอะ
นักเก็งกำไร (Speculator) ผู้ลงทุนสายนี้น่าจะมีจำนวนมากที่สุด เพราะว่าคนที่เข้ามาลงทุนใน TFEX ย่อมต้องการกำไรเป็นอันดับแรก มีแนวคิดหลักคือ การซื้อถูก ขายแพง (Shot ก่อนแล้วค่อย Long ก็ความหมายเดียวกัน) ยิ่งทำรอบได้หลายครั้งก็จะยิ่งมีกำไรมาก ส่วนมากอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิค การดูกราฟ การใช้ Indicator การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย การดู bid-offer บ้าง และมีการดูปัจจัยพื้นฐานควบคู่กันไปด้วย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสไตล์ของแต่ละคน
ทั้งนี้ การเก็งกำไรสามารถทำได้ทั้งระยะสั้น หรือจะถือยาวเป็นสัปดาห์ เป็นเดือนก็ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และกลยุทธ์ที่ใช้ โดยคุณสมบัติของสินค้าที่ลงทุน คือต้องมีสภาพคล่องสูง เข้าได้ง่ายออกได้ง่าย ยิ่งราคามีความผันผวนมากก็ยิ่งมีโอกาสทำกำไรมาก คราวนี้เราลองมาดูแนวคิดของแต่ละกลยุทธ์ รวมทั้งข้อดี ข้อเสียและวิธีการเทรดกัน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจ
1. Day Trading
สายนี้เทรดภายในวันเท่านั้น กลุ่มนี้จะเปิดสถานะและปิดสถานะภายในวันเดียว โดยจะไม่ถือ(ห่อ) สถานะเพื่อลุ้นวันต่อไป ใครที่สนใจสายนี้จะต้องมีความรู้เรื่องการอ่านกราฟ (Price Pattern) บ้างก็ใช้อินดิเคเตอร์ (Indicator) ควบคู่กันไปด้วย มักใช้ Timeframe สั้นๆที่มักอยู่ในช่วงตั้งแต่ 1-15 นาที โดยเน้นเทรดตามแนวโน้มของวันนั้นๆ ไม่ได้สนใจเรื่องปัจจัยพื้นฐาน มักเปิดสถานะเมื่อ Price Pattern เป็นไปตามทฤษฏี หรือ Indicator ส่งสัญญาณ
ข้อดี ได้ต้นทุนราคาดี หากสถานการณ์เป็นใจ หรือตลาดมีความผันผวนสูง อาจทำกำไรได้หลายรอบ ไม่มีปัญหาเรื่องราคาเปิดกระโดด เพราะเริ่มใหม่ในแต่ละวัน
ข้อเสีย False Signal เกิดขึ้นได้ง่าย เพราะเป็นการเทรดบนการคาดเดาลักษณะของกราฟเทคนิค และใช้อินดิเคเตอร์บน Timeframe เล็ก ซึ่งอาจขัดกับ Timeframe ใหญ่ / หากตลาดเป็นเทรนด์ อาจเสียโอกาสกินคำใหญ่ เพราะต้องปิดสถานะภายในวัน
ข้อเสนอแนะ เหมาะกับผู้มีเวลาดูหน้าจอ และผู้ติดตามราคาที่ได้ทำการบ้านไว้ล่วงหน้าเสมอ เพราะต้องให้ความสำคัญกับลักษณะของราคากราฟ และจดจำพฤติกรรมของราคาสินค้าตัวนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี โดยสิ่งสำคัญ คือ ต้องมีวินัยสูง มีการกำหนดจุด Stoploss ไว้ล่วงหน้าแบบชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุนมากไปกว่าแผนที่วางไว้
2. Scalping
สกัลปิ้ง หรือกลยุทธ์เทรดเพื่อทำกำไรในช่วงสั้นๆ ต่อการเทรด 1 ครั้ง แต่จะอาศัยทำกำไรบ่อยๆ โดยเชื่อว่าการแกว่งตัวที่น้อยๆ จะสามารถทำกำไรได้ง่ายกว่ารอกินคำใหญ่ๆ ลักษณะจะเข้าลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่ จังหวะการเข้าออกจึงสำคัญมาก และแน่นอนว่าจะจบภายในวัน (การเทรดเหมือน Proprietary Trader)
ข้อดี หากมีระบบที่ดี มีสถิติการชนะสูง (%Win) และมีอัตราการทำกำไรสูง (Risk Reward Ratio) การใช้ Leverage จะมีโอกาสทำกำไรได้มาก
ข้อเสีย สินค้าต้องมีความผันผวนสูง มี Volume มากพอให้ลงทุน / ต้องจับจังหวะยิงให้แม่น เพราะลงทุนก้อนใหญ่ หากผิดบ่อยๆ อาจทำให้ล้างพอร์ตได้ง่าย / หากค่าคอมมิชชั่นเทรดแพงอาจไม่เหมาะ เพราะอาจต้องรอหลายช่องกว่าจะออกได้
ข้อเสนอแนะ จังหวะการเทรดสำคัญมาก เหมาะกับผู้ที่มีเวลาดูหน้าจอ ผู้เทรดจะต้องมีวินัยและมีจิตใจมั่นคงสูง เทรดจบคือจบ ถึงจุด Stoploss ต้องยอม ถึงจุด Target Price ก็ต้องออกทันที มีการจดสถิติอย่างสม่ำเสมอและมีการทบทวนผลการเทรดเป็นประจำเพื่อนำไปปรับปรุงสถิติการเทรด
3. Mean Reversal Trading / Contrarian Trading
แนวคิดหลักๆ คือ เมื่อสินค้ามีเทรนด์ ราคาอาจวิ่งไปได้ไกลกว่าราคาเส้นค่าเฉลี่ย ผู้ที่มีกำไรจะมีแนวโน้มขายเพื่อเก็บกำไร ทำให้ราคามีโอกาสย่อกลับมาใกล้เส้นค่าเฉลี่ยก่อนไปต่อตามเทรนด์ ทำให้มีจังหวะในการเล่นสวนเทรนด์ช่วงสั้นๆได้ หรือในกรณีที่ตลาดเป็นไซด์เวย์ (ทั้งไซด์เวย์ออกข้าง, ไซด์เวย์ในกรอบขาขึ้นและกรอบขาลง) ราคาจะวิ่งไปชนแนวต้านแล้วย่อกลับมาที่แนวรับ ทำให้เล่นเป็นจังหวะตามกรอบได้ หรือกรณีตลาด Panic มีการลดลงของราคารุนแรง แล้วเมื่อเหตุการณ์คลี่คลายจะมีโอกาสดีกลับไปเร็วเช่นกัน กลยุทธ์นี้มีทั้งเทรดในวันก็ได้ หรืออาจต้องถือเป็นเวลานาน เพื่อรอเวลากลับเทรนด์ก็ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสินค้าที่ลงทุน
ข้อดี เป็นกลยุทธ์เสริมทำกำไรสั้นๆได้
ข้อเสีย หาจังหวะเข้ายาก จุดทำกำไรไม่แน่นอน ราคาอาจย่อก่อนไปถึงเป้าหมาย หากมีเทรนด์ใหญ่ หรือเปิดกระโดดอาจขาดทุนมาก / การเทรดบน Timeframe เล็ก อาจขัดกับ Timeframe ใหญ่
ข้อเสนอแนะ กลยุทธ์นี้ไม่ใช่เทรดสวนเทรนด์ตลาด แต่เป็นการเทรดที่ต้องอาศัยความเข้าใจสภาวะตลาด และพฤติกรรมนักลงทุนเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังต้องติดตามราคาอย่างใกล้ชิด และมีวินัยสูง เพราะกำลังสู้กับจิตวิทยานักลงทุนส่วนใหญ่ของตลาด ทั้งนี้หากผิดพลาดก็มีโอกาสขาดทุนมาก จึงต้องวางแผนไว้ล่วงหน้าเท่านั้น
4. Trend Following / Momentum Trading
4.1) Breakout กลยุทธ์เทรดตามเทรนด์ ซื้อเมื่อราคาทะลุผ่านแนวต้าน หรือหลุดแนวรับสำคัญ ด้วยปริมาณการซื้อขายที่มาก ส่วนใหญ่มักมีข่าวสนับสนุน โดยแนวคิดคือ เมื่อราคาสามารถทำ New High หรือ New Low มักจะมีแนวโน้มไปต่อได้ ยิ่งถ้ามี Volume สูง ยิ่งมีโอกาสไปต่อได้ไกล เป้าทำกำไรอาจกำหนดตาม Fibonacci* หรือถือไปจนกว่าจะมีสัญญาณเปลี่ยนแนวโน้ม ส่วน Stoploss มักวางไว้ที่จุด Breakout
ข้อดี ถ้าเป็นเทรนด์จริง ราคามีโอกาสไปได้ไกลมาก การย่อระหว่างทางอาจเป็นจังหวะในการสะสมของเพิ่มได้
ข้อเสีย ต้องรอสินค้าที่มีเทรนด์ ซึ่งอาจต้องใช้เวลารอนาน /ช่วงตลาดไซด์เวย์ อาจเทรดไม่ได้ หรือไม่ได้กำไร
ข้อเสนอแนะ การที่ราคาจะเบรค High ได้แปลว่าต้องมีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน การติดตามวิเคราะห์ข่าวสารจึงสำคัญพอๆ กับการดูกราฟ / หากปัจจัยเปลี่ยนต้องมีแผนรองรับทันที
4.2) Buy on dip กลยุทธ์เทรดตามเทรนด์ แต่จะซื้อเมื่อหุ้นมีการทำ High แล้วย่อมาที่แนวรับโดยไม่หลุดลงไป แนวคิด คือเมื่อเป็นเทรนด์ ผู้ที่ซื้อไว้ก่อนจะมีการ Take Profit ทำกำไรออกมาบ้าง ราคาจึงมีการย่อลงบ้างแต่ไม่หลุดแนวรับเดิม การรอให้มีการย่อตัวจะทำให้ได้ต้นทุนไม่สูงมาก เป้าทำกำไรอาจกำหนดไว้ที่ High เดิม หรือเพิ่มตาม Fibonacci* แล้วตั้ง Stoploss ไว้ที่บริเวณแนวรับ
ข้อดี ถ้าเป็นเทรนด์จริง ราคามีโอกาสไปได้ไกลมาก แต่ถ้าไม่เป็นเทรนด์ จะตัดขาดทุนที่แนวรับ ซึ่งจะทำให้ขาดทุนไม่มาก
ข้อเสีย ถ้าราคาไม่ย่อกลับมา อาจไม่ได้ซื้อ หรือถ้าราคาย่อแรง อาจใช้เวลานานกว่าจะกลับไปยืนที่ High เดิม / ช่วงตลาดไซด์เวย์ อาจเทรดไม่ได้ หรือไม่ได้กำไร
ข้อเสนอแนะ ต้องเชื่อมั่นในแนวรับว่าจะรับอยู่ เมื่อราคาลงมาจริงจำเป็นต้องตัดสินใจเปิดสถานะ ซึ่งหากไม่เป็นตามคาดต้อง Stoploss ทันที ดังนั้นจุดเข้าจึงสำคัญ และการตั้ง Stoploss ให้เหมาะกับการแกว่งจำเป็นมาก ไม่งั้นราคาอาจวิ่งไปโดน Stoploss แล้วค่อยวิ่งกลับไป
* Fibonacci คือ เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ เพื่อนำไปคาดการณ์แนวต้านหรือแนวรับที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
สรุป
- กลยุทธ์เป็นเพียงแนวทางการเทรด นักลงทุนบางคนอาจมีหลายกลยุทธ์ หลายสไตล์ ซึ่งทุกกลุยธ์สามารถทำกำไรได้ ขอเพียงผู้ลงทุนมีความเข้าใจในสินค้าที่ลงทุน เข้าใจเครื่องมือที่ใช้ เข้าใจในแนวทางการเทรดของตนเอง และที่สำคัญต้องมีวินัยเข้าออก Stoploss เพื่อให้ผลการลงทุนเป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้
- ผู้ที่อยากลองเล่นแบบเก็งกำไร หรืออยากลองเทคนิคใหม่ แต่ยังไม่มั่นใจ สามารถทดลองเทรดเสมือนจริงได้ โดยใช้โปรแกรม Click2Win
- หมั่นศึกษาหาความรู้ ทบทวนผลการลงทุน มีสังคม พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมอง กินอาหารดี ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อจะได้มีข้อมูลและกำลังใจในการเทรด
ดูรายละเอียดสินค้าใน TFEX เพิ่มเติมได้ที่นี่