ส่วนใหญ่ผู้ลงทุนที่สนใจทำกำไรจากราคาหุ้น มักใช้มุมมองในการทำกำไรจากการที่ราคาของหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลง (เก็งกำไรว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นหรือลง) ถ้าคาดว่าราคาหุ้นจะมีการปรับตัวสูงขึ้นก็จะเข้ามาซื้อ และถ้าคาดว่าราคาหุ้นจะมีการปรับตัวลดลงก็จะเข้ามามีสถานะในฝั่งขาย (Short) ยังมีอีกเครื่องมือหนึ่งที่ผู้ลงทุนสามารถใช้ในการทำกำไรจากการปรับตัวขึ้นลงของราคาหุ้นได้ คือ Single Stock Futures ในตลาด TFEX ซึ่งเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีสินค้าอ้างอิงเป็นหุ้นรายตัว ซึ่งราคาของ Single Stock Futures ใน TFEX จะมีการปรับตัวขึ้นลง สอดคล้องกันกับทิศทางของหุ้นที่ Single Stock Futures อ้างอิง เช่น กรณีที่หุ้น KBANK มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น Single Stock Futures ที่อ้างอิงกับราคาหุ้น KBANK ก็จะมีการปรับตัวขึ้น และถ้าหุ้น KBANK มีการปรับตัวลดลง ราคาของ Single Stock Futures ก็จะมีการปรับตัวลดลงด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับหุ้นอ้างอิงของ Single Stock Futures ใน TFEX
ปัจจุบันมีทั้งหมด 122 ตัว ซึ่งสามารถดูรายละเอียดหุ้นที่เป็นสินค้าอ้างอิงได้ คลิก
นอกเหนือจากการทำการจากการปรับตัวขึ้นลงของราคาหุ้นแล้ว ยังมีอีกมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจ และมีคนที่อยู่ในตลาดจำนวนไม่น้อยที่ใช้มุมมองนี้ในการทำกำไร คือ การทำกำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาของหุ้นสองตัว หรือที่เราเรียกว่า Pair Trade การทำกำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาของหุ้นสองตัว (Pair Trade) ไม่ใช่การทำกำไรจากการปรับตัวขึ้นลงของราคาหุ้น แต่จะทำกำไรจากการที่ส่วนต่างของราคาหุ้นทั้งสองตัวมีการเปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างมุมมองในการทำกำไรด้วยวิธี Pair Trade เช่น สมมติว่าปัจจุบัน หุ้น BBL ราคา 105 บาท หุ้น KBANK ราคา 90 บาท แปลว่าส่วนต่างของราคาหุ้น BBL กับ KBANK อยู่ที่ 15 บาท โดยที่ราคา BBL แพงกว่า KBANK ในกรณีที่ผู้ลงทุนคิดว่าราคาของ BBL แพงกว่า KBANK 15 บาทนั้น เป็นส่วนต่างที่มากเกินไป ผู้ลงทุนก็จะทำการขาย (Short) หุ้น BBL และซื้อหุ้น KBANK พร้อมกัน ถ้าส่วนต่างของ KBANK และ BBL น้อยลงตามที่คาดไว้ เช่น หุ้น BBL แพงกว่า หุ้น KBANK ลดลงเหลือ 5 บาท ผู้ลงทุนจะได้กำไรจากการซื้อหุ้น BBL มาคืนสถานะที่ Short ไว้ และขายหุ้น KBANK ที่ซื้อไว้ ไม่ว่าหุ้นทั้งสองตัวนี้จะมีการปรับตัวขึ้นหรือลงก็ตาม เช่น ถ้าทั้งหุ้น BBL และ หุ้น KBANK ปรับตัวลดลงทั้งคู่ แต่ส่วนต่าง ที่ BBL แพงกว่า KBANK เหลือเพียง 5 บาท โดย BBL ปรับตัวลดลงจาก 105 เหลือราคา 80 บาท ส่วน KBANK ปรับตัวลดลงจาก 90 เหลือ 75 บาท เราจะได้กำไรจากการ Short หุ้น BBL ที่ราคา 105 เท่ากับ 105 - 80 = +25 บาท แต่จะขาดทุนจากการซื้อหุ้น KBANK ที่ราคา 90 บาท เท่ากับ 75-90 = -15 บาท เมื่อนำกำไรและขาดทุนมาหักลบกัน จะทำให้ได้กำไรเท่ากับ 10 บาท (ส่วนต่างลดลงจาก 15 บาท เหลือ 5 บาท จะได้กำไร 10 บาท) ในกรณีที่หุ้น BBL และ หุ้น KBANK ปรับตัวขึ้นทั้งคู่ แต่ส่วนต่างแต่ส่วนต่าง ที่ BBL แพงกว่า KBANK เหลือเพียง 5 บาท โดย BBL ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 105 เป็นราคา 150 บาท ส่วน KBANK ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 90 เป็น 145 บาท เราจะขาดทุนจากการ Short หุ้น BBL ที่ราคา 105 เท่ากับ 105 - 150 = -45 บาท แต่จะกำไรจากการซื้อหุ้น KBANK ที่ราคา 90 บาท เท่ากับ 145-90 = +55 บาท เมื่อนำกำไรและขาดทุนมาหักลบกัน จะทำให้ได้กำไรเท่ากับ 10 บาท (ส่วนต่างลดลงจาก 15 บาท เหลือ 5 บาท จะได้กำไร 10 บาท)
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าข้อดีของการทำกำไรด้วยวิธี Pair Trade คือ สามารถทำกำไรได้ไม่ว่าราคาหุ้นทั้งสองตัวจะมีการปรับตัวขึ้นหรือลง (ราคาขึ้นลงของหุ้นไม่มีผลต่อกำไรขาดทุน) เราจะสามารถทำกำไรได้หากส่วนต่างของราคาระหว่างหุ้นสองตัวมีการเปลี่ยนแปลงไปตามที่เราคาดไว้ (ดูที่ส่วนต่าง)
ข้อดีอีกข้อหนึ่งของการทำกำไรด้วยวิธี Pair Trade คือ เนื่องจากกำไรขาดทุนจะเกิดขึ้นจากการที่ส่วนต่างระหว่างราคาของหุ้นสองตัวมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งส่วนต่างของราคานั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงและมีความผันผวนน้อยกว่าราคาหุ้น จึงเป็นมุมมองในการทำกำไรที่มีความเสี่ยงในการซื้อขายที่น้อยกว่า เนื่องจากการทำกำไรด้วยวิธี Pair Trade ผู้ลงทุนจะต้องมีสถานะซื้อในหุ้นตัวหนึ่ง และมีสถานะขาย (Short) ในหุ้นอีกตัว หากผู้ลงทุนต้องการทำกำไรด้วยการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้น จะต้องมีการเปิดบัญชี SBL (Securities Borrowing and Lending) จึงจะสามารถ Short หุ้นได้
จากกลไกการซื้อขายในตลาด TFEX ผู้ลงทุนสามารถเข้ามาสร้างสัญญาในฝั่งซื้อหรือฝั่งขายก่อนได้ เมื่อผู้ลงทุนเปิดบัญชีซื้อขาย TFEX ไว้แล้ว และต้องการทำกำไรด้วยวิธี Pair Trade สามารถใช้บัญชี TFEX เพื่อทำสัญญาซื้อ และทำสัญญาขาย Single Stock Futures ที่อ้างอิงกับหุ้นที่ตัวเองสนใจทำกำไรจากส่วนต่างของราคาได้เลยในบัญชีเดียว
การใช้ Single Stock Futures ในการทำกำไรด้วยวิธี Pair Trade มีข้อดีอยู่หลายอย่าง เช่น ใช้เงินที่น้อยกว่า จึงสามารถเพิ่ม Leverage ให้กับผู้ลงทุนได้ เนื่องจากกลไกการซื้อขายใน TFEX ใช้วิธีการวางเงินประกันเพียงบางส่วนเมื่อเทียบกับมูลค่าสัญญา โดยส่วนใหญ่หุ้นสองตัวที่เลือกมาทำกำไรด้วยวิธี Pair Trade มักจะเป็นหุ้นที่ราคามีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าราคาขึ้นก็มักจะขึ้นเหมือนกัน หรือราคาลงก็จะลงเหมือนกัน เพียงแต่ขนาดการปรับตัวขึ้นลงอาจจะไม่เท่ากัน จึงทำให้ส่วนต่างของราคาระหว่างหุ้นสองตัวมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งในกรณีที่มีสถานะซื้อใน Single Stock Futures ตัวหนึ่ง และมีสถานะขายใน Single Stock Futures อีกตัวหนึ่ง ซึ่งราคามีความสัมพันธ์กัน เงินประกันที่ต้องวางในการซื้อขายยังปรับลดลงอีกด้วย (คิดเงินประกันแบบ Inter-Commodity Spread Credit) เมื่อพิจารณาในด้านต้นทุนในการซื้อขายที่เกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการซื้อขาย Single Stock Futures ใน TFEX จะมีอัตราค่าธรรมเนียมเริ่มต้นที่ 0.1% ของมูลค่าสัญญา และหากซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ ค่าธรรมเนียมจะลดลงอีก 10% เหลือเพียง 0.09% ของมูลค่าสัญญา
ดูรายละเอียดสินค้าใน Single Stock Futures เพิ่มเติมได้ที่