TFEX
5 Min Read

แนะนำ กลยุทธ์ ตอนที่ 4 ไม่ต้องเดาทิศทางถูก ก็ทำกำไรได้ (Volatility Trading)

by TFEX
แนะนำ กลยุทธ์ ตอนที่ 4 ไม่ต้องเดาทิศทางถูก ก็ทำกำไรได้ (Volatility Trading)

          คงจะดีไม่ใช่น้อย ถ้าเราสามารถทำกำไรบนดัชนี SET50 ได้โดยไม่ต้องคาดการณ์ทิศทางของดัชนี SET 50 ว่าจะปรับตัวขึ้นหรือลง ต้องบอกว่ากลยุทธ์ในการทำกำไรแบบไม่ต้องเดาทิศทางนั้นมีอยู่จริง โพสต์นี้จึงขอแนะนำให้ผู้ลงทุนได้รู้จักกลยุทธ์ที่แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าราคาจะปรับตัวไปในทิศทางไหนกันแน่ แต่เราก็ยังสามารถทำกำไรจากการซื้อขายได้ ซึ่งรับรองว่าจะต้องไม่ผิดหวังกันอย่างแน่นอน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยครับว่ากลยุทธ์ที่ว่าเค้าทำกันอย่างไร

          ผู้ลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ได้กำไรจากการซื้อขาย คือ ต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ทิศทางของราคาได้อย่างแม่นยำ จึงทำให้คำถามที่ว่า “ราคาจะขึ้นหรือลง?” เป็นคำถามที่ผู้ลงทุนให้ความสำคัญที่สุด แต่ต้องบอกว่าคำถามง่าย ๆ แบบนี้การหาคำตอบไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะการวิเคราะห์หาทิศทางของราคาในอนาคตเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก หลายครั้งที่เราวิเคราะห์ว่าราคาน่าจะขึ้นแต่ก็ดันปรับตัวลง หรือบางทีวิเคราะห์ว่าราคาน่าจะลงแต่ก็ดันปรับตัวขึ้น

          บางจังหวะที่กำลังจะเกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆ เราอาจจะไม่รู้ว่าล่วงหน้าว่าเหตุการณ์เหล่านั้นจะทำให้ดัชนี SET50 ปรับตัวขึ้นหรือลงกันแน่ เช่น การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐ ที่ผลการเลือกตั้งต้องส่งผลกระทบให้ตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างแน่นอน แต่ก่อนที่ผลการเลือกตั้งจะออกมา เราไม่รู้ว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดี

          แต่ถ้าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น เราค่อนข้างมั่นใจแน่ ๆ ว่าไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม จะส่งผลต่อจิตวิทยาของนักลงทุนทำให้ตลาดหุ้นต้องวิ่งไปสักทางไม่ขึ้นก็ลง เช่น ถ้าเป็นข่าวดีตลาดหุ้นก็น่าจะวิ่งขึ้นอย่างมาก แต่ถ้าเป็นข่าวร้ายตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวลดลงอย่างมาก จะมีกลยุทธ์หนึ่งที่สามารถใช้ทำกำไรได้

          กลยุทธ์ที่จะแนะนำในการทำกำไรกรณีที่เราไม่รู้ว่าราคาจะไปในทิศทางใด แต่เรามั่นใจว่าจะต้องเคลื่อนที่ไปสักทางแน่ ๆ นั่นก็คือ กลยุทธ์ “ซื้อขายความผันผวน” หรือ “Volatility Trading” โดยการเข้าไปซื้อความผันผวน (Long Volatility) ซึ่งหลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อของกลยุทธ์นี้มาบ้างแล้ว แต่อาจจยังไม่รู้ว่ากลยุทธ์นี้มีวิธีการอย่างไร

          ในกรณีที่เราไม่รู้ว่าอนาคตราคาจะไปในทิศทางไหน จะขึ้นหรือจะลง แต่เราค่อนข้างมั่นใจว่าราคาจะต้องวิ่งไปสักทางเพราะว่ากำลังจะมีหรือมีเหตุการณ์สำคัญ ๆ เกิดขึ้น เราสามารถทำกำไรได้ด้วยการ…..ซื้อ Call Option และ Put Option พร้อม ๆ กัน เช่น ถ้าเราไม่รู้ว่าตลาดหุ้นไทยจะขึ้นหรือลง แต่มีเหตุการณ์สำคัญที่น่าจะทำให้ตลาดกำลังตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่ง ก็แนะนำให้ซื้อ Call Option และ Put Option ที่อ้างอิงกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อย่างพวกดัชนี SET50 พร้อม ๆ กัน เป็นต้น

          ปัจจุบันมี Options ทั้ง Call Option และ Put Option ที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 ซื้อขายอยู่ในตลาด TFEX หากผู้ลงทุนสนใจศึกษาเพิ่มเติมสามารถหาข้อมูลได้ที่ www.tfex.co.th

          การใช้กลยุทธ์นี้ นิยมซื้อ Options ประเภท Out Of the Money (OTM) พร้อม ๆ กัน ได้แก่ Call Option ที่มีราคาใช้สิทธิสูงกว่าราคาปัจจุบัน และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิต่ำกว่าราคาปัจจุบัน และมักจะเลือกมีราคาใช้สิทธิที่ห่างจากราคาปัจจุบันใกล้เคียงกัน เช่น ปัจจุบันดัชนี SET50 อยู่ที่ 800 จุด ก็มักจะซื้อ Call Option ที่อ้างอิงดัชนี SET50 ที่มีราคาใช้สิทธิ 825 และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิ 775 (ขอย้ำอีกรอบครับว่าต้องซื้อ Call Option และ Put Option พร้อมกัน!!!)

          สาเหตุที่ทำให้วิธีซื้อ Call Option และ Put Put Option พร้อม ๆ กันได้ผลในการทำกำไรเมื่อราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งก็ได้เนื่องจาก Options มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ถ้าดัชนี SET50 ปรับตัวขึ้นจาก 800 จุด การเพิ่มขึ้นของราคา Call Option จะมากกว่าการลดลงของราคา Put Option เช่น สมมติเราซื้อ Call Option ราคาใช้สิทธิ 825 จุดไว้ที่ราคา 5 จุด ซื้อ Put Option ราคาใช้สิทธิ 775 ไว้ที่ 5 จุด (รวมต้นทุนเท่ากับ 5+5= 10 จุด)แล้วดัชนี SET50 ขึ้นจาก 800 จุด เป็น 820 จุด ราคา Call Option อาจจะขึ้นจาก 5 จุดเป็น 10 จุด แต่ Put Option อาจจะลงจาก 5 จุด เป็น 2 จุด เป็นต้น จึงทำให้ถ้าเราขาย Call Option กับ Put Option ที่ซื้อมาพร้อม ๆ กัน ผลก็จะออกมาเป็นกำไร (ขายได้ 10+2=12 จุด จากต้นทุน 10 จุด)

          ในทางตรงข้ามถ้าดัชนี SET50 ปรับตัวลงจาก 800 จุด การเพิ่มขึ้นของราคา Put Option จะมากกว่าการลดลงของราคา Call Option เช่น สมมติเราซื้อ Call Option ราคาใช้สิทธิ 825 ไว้ที่ราคา 5 จุด ซื้อ Put Option ราคาใช้สิทธิ 775 ไว้ที่ 5 จุด แล้วดัชนี SET50 ลดลงจาก 800 จุด เป็น 780 จุด ราคา Put Option อาจจะขึ้นจาก 5 จุดเป็น 10 จุด แต่ Call Option อาจจะลงจาก 5 จุด เป็น 2 จุด เท่านั้น ทำให้ผลรวมถ้าเราขาย Put Option กับ Call Options ที่ซื้อมาพร้อม ๆ กัน ผลก็จะออกมาเป็นกำไร

          ถึงตรงนี้แล้วอย่าเพิ่งรีบเอากลยุทธ์นี้ไปใช้ทันทีนะครับ เรามาดูข้อสังเกตกันก่อน เพราะว่ากลยุทธ์นี้ไม่ได้ทำให้ได้กำไรตลอดเวลา เนื่องจากกลยุทธ์นี้จะใช้งานได้ไม่ดีถ้าดัชนี SET50 ไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นระยะยเวลานาน เพราะในกรณีที่ดัชนี SET50 ไม่มีการเคลื่อนไหวราคาของ Call Option กับ Put Option จะค่อย ๆ ปรับตัวลดลงเรื่อย ๆ เช่น สมมติเราซื้อ Call Option ราคาใช้สิทธิ 825 ไว้ที่ราคา 5 จุด ซื้อ Put Option ราคาใช้สิทธิ 775 ไว้ที่ 5 จุด แล้วดัชนี SET50 ไม่ขยับไปไหนเลยอยู่ที่ 800 +/- นิดหน่อย เป็นเวลานาน ๆ ราคา Call Option และ Put Option ที่ซื้อไว้ราคาจะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย จาก 5 จุด เหลือ 4 จุด -> 3 จุด -> 2 จุด ตามเวลาที่ผ่านไป ดังนั้นราคานิ่ง ไม่เคลื่อนไหวเราจะขาดทุนจากการที่ราคา Options ลดลงเรื่อย ๆ หรือที่เป็นผลกระทบจากคุณสมบัติของ Options อย่างหนึ่งที่เราเรียกว่า Time Decay

          กลยุทธ์การซื้อความผันผวน สรุปได้ว่าในกรณีที่เรารู้ว่าในอนาคตน่าจะมีเหตุการณ์หรือข่าวที่กระทบต่อดัชนี SET50 ได้โดยที่ไม่รู้ว่าดัชนีจะขึ้นหรือลง แต่รู้ว่าดัชนีจะต้องปรับตัวไปทางใดทางหนึ่งอย่างมากโดยไม่อยู่นิ่งอยู่กับที่ เราสามารถใช้จังหวะนี้ในการทำกำไรด้วยกลยุทธ์การซื้อความผันผวน ซึ่งกลยุทธ์การซื้อความผันผวนสามารถทำได้ด้วยการซื้อ Call Option และ Put option ประเภท OTM พร้อม ๆ กัน

ดูรายละเอียดสินค้าใน SET50 Options เพิ่มเติมได้ที่ linkout


คอร์ดเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 
Options ฟรี!     
หลักสูตร SET50 Options ฉบับมือใหม่ทั้งหมดได้ที่ linkout
หลักสูตร Options First Class ได้ที่ linkout
Options Workshop From Home ได้ที่ linkout 

 


แท็กที่เกี่ยวข้อง: แนวคิดเทรด SET50 Options Volatility Trading
บทความที่เกี่ยวข้อง