TFEX
5 Min Read

สรุปประเด็นซีรี่ส์ SET50 Options ฉบับมือใหม่ ตอนที่#1 รู้จัก Options

by TFEX
สรุปประเด็นซีรี่ส์ SET50 Options ฉบับมือใหม่ ตอนที่#1 รู้จัก Options

ตอนที่#1 รู้จัก Options

“การซื้อ Options บางครั้งก็คล้ายกับการซื้อลอตเตอรี่ เราจ่ายตังค์เลือกซื้อเลขที่สนใจ หากเลขนั้นถูก ก็เอาไปขึ้นรางวัลได้”

          ในการเทรด Options มันมีมากกว่าแค่เก็งเลขที่จะออก แต่เราสามารถเลือกโอกาสในการที่จะถูกรางวัลได้ นอกจากนี้ หากผิดทาง ก็ยังขายเอาเงินต้นคืนมาบางส่วนได้ด้วย

          สำหรับคนที่สนใจ Options แต่ยังไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี เรามาเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันดีกว่าว่า คนเทรดออปชั่นเค้ามีวิธีคิดอย่างไร ใช้ข้อมูลอะไรบนหน้าจอเทรดบ้าง และมีคำศัพท์ไหนที่ควรรู้ก่อนเริ่มเทรด

 

Symbol = ชื่อเรียกสัญญา เช่น S50M21C975 = สัญญาออปชั่นที่อ้างอิงดัชนี SET50 หมดอายุ M21 (เดือนมิถุนายน ปี 2021) เป็นประเภทสิทธิซื้อที่ราคาใช้สิทธิ 975

Call Options = สิทธิในการซื้อ (หากมองว่าดัชนีหุ้นจะขึ้น ให้ซื้อ Call Options)

Put Options = สิทธิในการขาย (หากมองว่าดัชนีหุ้นจะลง ให้ซื้อ Put Options)

Strike Price = ราคาใช้สิทธิของ Options (เปรียบเหมือนเลขล๊อตเตอรี่ ยิ่งดัชนีเลขสูงๆ โอกาสที่ดัชนีจะไปถึง ยิ่งมีโอกาสน้อย)

Theo.P = Theoretical Price หรือราคาทางทฤษฏี ซึ่งถ้าเป็นออปชั่นจะคำนวนมาจากสูตร Black-Scholes Model

Diff = Difference หรือส่วนต่างราคาออปชั่นทางทฤษฏี – ราคาออปชั่นที่ซื้อขายล่าสุดในตลาด

Delta = ใช้ดูว่าราคา Options จะขยับขึ้น/ลงกี่จุด เมื่อเทียบกับการขยับตัวของดัชนี SET50 ที่ 1 จุด

Historical Volatility = ค่าความผันผวนในอดีต ใช้ดูว่าดัชนีในอดีตเฉลี่ยผันผวนกี่จุดต่อวัน

Implied Volatility = ค่าความผันผวนที่นักลงทุนคาดหวัง ใช้ดูว่าราคาออปชั่นตอนนี้ตลาดให้ความผันผวนเท่าไหร่ ยิ่งความผันผวนสูง จะทำให้ออปชั่นมีราคาแพง

Moneyness = ใช้บอกสถานะของออปชั่น
          -ITM = In the Money = ออปชั่นที่ถืออยู่ ราคาใช้สิทธิดีกว่าราคาตลาด (ใช้สิทธิได้ หรือมีกำไร)
          -ATM = At the Money = ออปชั่นที่ถืออยู่ ราคาใช้สิทธิใกล้เคียงกับราคาตลาด
          -OTM = Out of the Money = ออปชั่นที่ถือ ราคาใช้สิทธิเสียเปรียบเมื่อเทียบกับราคาตลาด (ใช้สิทธิไม่ได้)

Margin = เงินหลักประกันที่นักลงทุนต้องวางไว้ที่โบรกเกอร์ก่อนการซื้อขาย
          - IM (Initial Margin) : หลักประกันเริ่มต้น
          - MM (Maintenance Margin) : หลักประกันรักษาสภาพ
          - FM (Force Close Margin ) : หลักประกันบังคับปิดสถานะ

Payoff Chart = การวาดภาพแสดงกำไรขาดทุนเมื่อเปิดสถานะออปชั่น

Max Profit/ Max Loss = กำไรสูงสุด/ขาดทุนสูงสุด

Total Cost = ต้นทุนในการเปิดสถานะ

Total Margin = เงินหลักประกันรวมทั้งหมด

Options Paid/ Receive = สถานะของผู้เปิดสถานะออปชั่นว่าสุทธิเป็นผู้รับเงินหรือจ่ายเงิน

Break Even = จุดคุ้มทุน จุดที่เปลี่ยนจากกำไรเป็นขาดทุน หรือจุดที่ขาดทุนเป็นกำไร

Current EE = Current Excess Equity หรือเงินที่เหลือหลังจากหักหลักประกันเริ่มต้น สามารถเอาไปเปิดสถานะลงทุนใหม่ได้

LC = Long Call

LP = Long Put

SC = Short Call

SP = Short Put

 

---------------------------------------------------------------

แนวคิด 3V พิชิต Options

1. View ดูทิศทางตลาด

          - ช่วงตลาดขาขึ้น Bullish : ซื้อ Call Options มีสิทธิกำไรไม่จำกัด และขาดทุนไม่เกินค่า Premium หากดูทิศทางตลาดถูก

          - ช่วงตลาด Bearish : ซื้อ Put Options จะขาดทุนไม่เกินค่า Premium ที่จ่ายไป มีสิทธิกำไรไม่จำกัดหากถูกทาง

          - ช่วงตลาด Sideway : ขาย Options ที่แม้กำไรจะถูกจำกัดไว้แค่ค่า Premium แต่หากดูทิศทางถูกก็จะช่วยสร้างกระแสเงินสดได้

 

2. Volatility คาดการณ์ความผันผวนที่จะเกิดขึ้น

          หากดัชนีแกว่งกรอบแคบ แปลว่าความผันผวนน้อย หรือความผันผวนกำลังลดลง โอกาสที่ราคาออปชั่นจะวิ่งไปเร็วๆ แรงๆ ก็น้อยตามไปด้วย การซื้อออปชั่นในช่วงนี้อาจไม่ได้กำไร กลับกันหากดัชนีผันผวนสูง ราคาออปชั่นก็มีโอกาสวิ่งเร็ว ช่วงที่ความผันผวนสูง ราคาออปชั่นก็จะสูงตามไปด้วย โดยเราสามารถดูค่าความผันผวนในอดีตเทียบค่าความผันผวนในปัจจุบันได้จาก Historical Volatiliy และ Implied Volatility

 

3. Time Value เลือกออปชั่นให้เหมาะกับระยะเวลาที่ต้องการลงทุน

          หากเรามองว่าดัชนีจะวิ่งขึ้นไป 100 จุด ใน 3 เดือนข้างหน้า แต่ดันซื้อออปชั่นที่กำลังจะหมดอายุในอีก 1 เดือน แบบนี้จะทำกำไรตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างไร นอกจากนี้ การซื้อออปชั้น นักลงทุนต้องจ่ายค่า Premium เสียก่อน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว Premium จะประกอบไปด้วย มูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) และ มูลค่าตามระยะเวลา (Time Value)

Option Value (Premium) = Intrinsic Value + Time Value

มูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value)

          Options ที่มีสถานะ In the Money จะมีมูลค่าที่แท้จริง > 0

          Options ที่มีสถานะ At the Money จะมีมูลค่าที่แท้จริงใกล้เคียง 0

          Options ที่มีสถานะ Out of the Money จะมีมูลค่าที่แท้จริง = 0

มูลค่าตามระยะเวลา (Time Value)

          Options ที่มีอายุคงเหลือมากจะมี Time Value มากกว่า Options ที่มีอายุคงเหลือน้อย เพราะอายุคงเหลือที่มากกว่า แสดงถึงโอกาสที่เพิ่มขึ้นในการทำกำไรจาก Options

          เมื่อ Intrinsic Value = 0 หมายความว่า Options ที่ซื้อมานั้นไม่มีมูลค่าในตัวเองเลย ที่มีอยู่คือเป็นมูลค่า Time Value ทั้งหมด ดังนั้นก่อนจะเลือก Options มาสร้างโอกาสทำกำไร คุณต้องแยกมูลค่าทั้งสองให้ถูกว่าส่วนไหนคือมูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) และส่วนไหนคือมูลค่าตามระยะเวลา (Time Value)

          ทั้งหมดนี้ก็คือ หลัก 3V พิชิต Options สำหรับมือใหม่ที่อยากสร้างโอกาสทำกำไรด้วย Options ทั้งหมดนี้เป็นการปูพื้นฐานเพื่อเตรียมพร้อมสร้างกลยุทธ์ใน Episode ต่อไป

 

เริ่มทบทวนดู VDO ซีรี่ส์ SET50 Options ฉบับมือใหม่ ตอนที่ 1 - รู้จัก Options ได้ที่ linkout 

ดูรายละเอียดสินค้าใน SET50 Options เพิ่มเติมได้ที่ linkout


คอร์ดเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 
Options ฟรี!     
หลักสูตร SET50 Options ฉบับมือใหม่ทั้งหมดได้ที่ linkout
หลักสูตร Options First Class ได้ที่ linkout
Options Workshop From Home ได้ที่ linkout 

 


แท็กที่เกี่ยวข้อง: แนวคิดเทรด SET50 Options
บทความที่เกี่ยวข้อง