ตอนที่ #4 ความได้เปรียบฝั่ง Short
ถ้าหาก Long แล้วยังไม่ถูกทาง มาลอง Short บ้างไหม
หลังจากได้เรียนรู้ข้อดีของการเปิดสถานะใน Options ฝั่ง Long กันไปแล้ว ครั้งนี้ทุกคนจะได้เรียนรู้ความได้เปรียบของฝั่ง Short กันบ้าง ว่าทำไมการเปิดสถานะฝั่งนี้ถึงได้เปรียบและเหมาะกับตลาด Sideway แล้วกำไรที่ได้มานั้นต้องแลกกับความเสี่ยงอะไรบ้างเราไปดูกันเลย
การ Short Options นั้นจะตรงข้ามกับฝั่ง Long Options คือ คน Short จะได้รับเงินค่า Premium มาก่อน แต่ก็ต้องลุ้นให้ Strike Price ที่ Short ไว้ไม่อยู่ในช่วงราคาที่คน Long มาเคลมใช้สิทธิ เปรียบเสมือนเราเป็นผู้ขายประกัน ซึ่งเราจะได้ประโยชน์จาก Time Decay ที่มูลค่า Options จะค่อยๆ ลดลงตามเวลาอีกทางหนึ่งด้วย แต่สิ่งที่ต้องระวังอย่างหนึ่งก็คือ ฝั่งที่ Short จะต้องวาง Margin ทั้งนี้ การ Short Options ทำได้ 2 ลักษณะ คือ การ Short Call และ Short Put
Short Call
คือการขาย Call Options เพื่อหวังที่จะได้รับค่า Premium เป็นกำไรตอบแทน ผู้ที่เล่นฝั่งนี้คือคาดว่าดัชนีจะไม่เพิ่มขึ้นเกินกว่าระดับราคาหนึ่ง ภายใต้เวลาที่กำหนด หากตลาดอยู่ในเทรนด์ขาลงหรือ Sideway จะได้เปรียบเพราะโอกาสถูกใช้สิทธิน้อยและมูลค่าที่ค่อยๆ ลดลง ต่างจาก Long Call โดยปกติแล้วการเล่นฝั่งนี้จะเป็นการเข้าไปเอากำไรจากค่า Premium ที่ได้รับมาวันแรก หากเลือก Strike Price ที่สูง (OTM) ความเสี่ยงในการถูกใช้สิทธิก็จะต่ำซึ่งจะมีโอกาสถูกทางมากกว่าการเลือก Strike Price ที่ต่ำ (ITM) ที่แม้จะดูเหมือนได้ Premium มาก่อนเยอะแต่ความเสี่ยงที่จะถูกเรียกใช้สิทธิก็จะมากขึ้นตาม ซึ่งการปิดสถานะก็สามารถทำได้ทุกเมื่อที่ต้องการ หรือจะรอหมดอายุก็ทำได้
หาก Short Call แล้วไม่เป็นไปตามที่คาด
คือดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
เมื่อผิดทางก็จะต้องเจอกับมูลค่า Premium ที่สูงขึ้นในระหว่างทางจนถึงตอนปิดสถานะ และยังต้องกันเงินไว้เผื่อสำหรับ Margin ที่จะปรับสูงมากขึ้นตาม ซึ่งหากวางเงินในพอร์ตไม่เพียงพออาจจะโดนเรียกหลักประกันเพิ่มได้ (Margin Call) หรืออาจจะต้องปิดสถานะออกเพื่อลดความเสี่ยงลง เพราะการ Short ขาเดียวนั้นสามารถขาดทุนได้ไม่จำกัด
Short Put
ทิศทางจะตรงข้ามกับ Short Call คือการขาย Put Options เพื่อหวังที่จะได้รับค่า Premium เป็นกำไรตอบแทน โดยคาดว่าดัชนีจะไม่ลดลงเกินระดับราคาหนึ่ง ซึ่งมักจะใช้เมื่อตลาดอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นหรือ Sideway ที่จะได้เปรียบมากกว่าจากโอกาสที่จะโดนใช้สิทธิน้อยและมูลค่า Options ที่ค่อยๆ ลดลงเช่นกัน การเลือก Strike Price ที่ต่ำ (OTM) ซึ่งมีโอกาสถูกใช้สิทธิน้อยนั้นก็จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการเลือก Strike Price ที่สูง (ITM)
หาก Short Put แล้วไม่เป็นไปตามที่คาด
คือดัชนีมีการปรับตัวลดลง
ลักษณะเดียวกันกับ Short Call คือมูลค่าของ Premium จะเพิ่มสูงขึ้นทำให้เราขาดทุนจากจุดนี้ พร้อมกับ Margin ที่ใช้จะมากขึ้นตามระดับการผิดทาง ดังนั้น ต้องบริหารเรื่องเงินในพอร์ตให้เพียงพอ หรือวางกลยุทธ์ให้รัดกุมตั้งแต่ก่อนลงมือเข้า Position
สรุปข้อได้เปรียบของ Short Options
- มีโอกาสถูกทางมากกว่าผิดทาง เพราะตลาด Sideway Up / Down ก็สามารถทำกำไรได้
- ไม่จำเป็นต้องรอให้ตลาดมีแนวโน้มหรือมีเทรนด์ โดยวางกลยุทธ์ตามความเสี่ยงที่รับได้ หากรับความเสี่ยงได้น้อยก็เลือก Short Options ที่ Out of the Money (OTM) ซึ่งผลตอบแทนก็จะมากหรือน้อยไปตามความเสี่ยงนั้น
- ได้ประโยชน์จาก Time Decay ที่มูลค่า Options จะลดลงเรื่อยๆ
สรุปข้อควรระวังของ Short Options
- สามารถขาดทุนได้ไม่จำกัดถ้าผิดทาง และไม่มีกลยุทธ์รองรับ
- ต้องวาง Margin ซึ่งจะถูกคำนวณตัวเลขใหม่เรื่อยๆ จึงควรวางหลักประกันให้เหมาะสมกับจำนวน Position ที่เข้า ไม่เช่นนั้นอาจโดนเรียก Margin Call ได้
ดังนั้นสรุปแล้วสำหรับใครที่ต้องการลงเล่นฝั่ง Short ที่เป็นการลุ้นและคาดการณ์ให้ตลาดไม่ขยับ สิ่งที่จำเป็นต่อการเปิดสถานะก็คือต้องมีเงินวาง Margin ที่เพียงพอ เพราะการเปิดฝั่ง Short ก็เหมือนการทำประกัน ที่แม้จะได้เงิน Premium หรือเงินค่าเบี้ยประกันมาก่อน แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุหรือเสียหายผิดทางขึ้นมาจริงอาจถูกเรียกให้วาง Margin เพิ่มขึ้นได้
เริ่มทบทวนดู VDO Series Options ตอนที่ #4 ความได้เปรียบฝั่ง Short
ดูรายละเอียดสินค้าใน SET50 Options เพิ่มเติมได้ที่
คอร์ดเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Options ฟรี!
หลักสูตร SET50 Options ฉบับมือใหม่ทั้งหมดได้ที่
หลักสูตร Options First Class ได้ที่
Options Workshop From Home ได้ที่