ถอดกลยุทธ์ทำกำไร Options ในตลาด sideway

          ทราบไหมครับว่าภาวะตลาดแบบใดลงทุนยากที่สุด? ใช่แล้วครับตลาด sideway หรือตลาดที่ไม่มีทิศทางชัดเจน จะขึ้นก็ขึ้นเพียงเล็กน้อย จะลงสักพักก็ rebound ประกอบกับลักษณะตลาดแบบนี้มักจะมีปริมาณการซื้อขายไม่สูง ยิ่งทำให้การสร้างกลยุทธ์การลงทุนในตลาด sideway ยิ่งยากขึ้น

          ผมจึงอยากจะหยิบแนวคิดในการลงทุนผ่านเครื่องมือ Options ในสภาวะตลาด sideway โดยกลยุทธ์จะประกอบด้วยการลงทุนเปิดสถานะ Long Call Options 2 สัญญา ที่มี “ราคาใช้สิทธิต่ำ” หรือมีสถานะ In-The-Money (ITM) 1 สัญญา และ “ราคาใช้สิทธิสูง” หรือมีสถานะ Out of-The-Money (OTM) 1 สัญญา พร้อมเปิดสถานะ Short Call Options 2 สัญญา ที่มีราคาใช้สิทธิอยู่กึ่งกลางระหว่าง Long Call Options 2 สัญญาแรกที่เปิดไว้ ที่ “เท่าราคาใช้สิทธิ” ปัจจุบันหรือAt-The-Money (ATM) อีก 2 สัญญา กลยุทธ์นี้เรียกว่า Long Call Butterfly
 

ตัวอย่างการลงทุนผ่านกลยุทธ์ Long Call Butterfly

          สมมติให้ดัชนีปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 925 จุด
- เปิด Long Call SET50 Options ที่มีราคาใช้สิทธิ 900 จุด (ITM) มีค่า premium จ่ายเท่ากับ 33 จุด (ราคาใช้สิทธิต่ำ)
- เปิด Long Call SET50 Options ที่มีราคาใช้สิทธิ 950 จุด (OTM) มีค่า premium จ่ายเท่ากับ 7.8 จุด (ราคาใช้สิทธิสูง)
- เปิด Short Call SET50 Options จำนวน 2 สัญญา ที่มีราคาใช้สิทธิ 925 จุด (ATM) มีค่า premium รับเท่ากับ 17.2 x 2 หรือเท่ากับ 34.4 จุด

          เท่ากับว่าเราจะมีสถานะ
Long Call (ITM) 1 สัญญา | Long Call (OTM) 1 สัญญา | Short Call (ATM) 2 สัญญา
ซึ่งกลยุทธ์นี้จะปิดความเสี่ยงกรณีดัชนีปรับตัวขึ้นแรงหรือลงรุนแรงโดยจะจำกัดขาดทุนไว้ ซึ่งจะเปิดโอกาสรับผลตอบแทนหากดัชนีวิ่งอยู่ในกรอบ ทีนี้เรามาดูสถานการณ์จำลองในวันหมดอายุสัญญา แต่ละ scenario กันว่าจะเกิดกำไรขาดทุนอย่างไร
 

          Scenario ที่ 1 ระดับดัชนีปิดที่ 890 จุด ต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ
Long Call Options ราคาใช้สิทธิ 900 จุด ไม่สามารถใช้สิทธิ “ขาดทุน” เท่าค่า premium (-33) จุด
Long Call Options ราคาใช้สิทธิ 950 จุด ไม่สามารถใช้สิทธิ “ขาดทุน” เท่าค่า premium (-7.8 ) จุด
Short Call Options ราคาใช้สิทธิ 925 จุด ซึ่งไม่ถูกใช้สิทธิ “ได้กำไร” เท่าค่า premium 34.4 จุด
รวมขาดทุน (-6.4) จุด หรือคิดเป็นเงิน 1,280 บาท
 

          Scenario ที่ 2 ระดับดัชนีปิดที่ 910 จุด อยู่ระหว่างราคาใช้สิทธิ
Long Call Options ราคาใช้สิทธิ 900 จุด สามารถใช้สิทธิได้แต่ยัง “ขาดทุน” เท่ากับ 910 – 900 – 33 = (-23) จุด
Long Call Options ราคาใช้สิทธิ 950 จุด ไม่สามารถใช้สิทธิ “ขาดทุน” เท่าค่า premium (-7.8 ) จุด
Short Call Options ราคาใช้สิทธิ 925 จุด ซึ่งไม่ถูกใช้สิทธิ “ได้กำไร” เท่าค่า premium 34.4 จุด
รวมกำไร 3.6 จุด หรือคิดเป็นเงิน 720 บาท
 

          Scenario ที่ 3 ระดับดัชนีปิดที่ 925 จุด อยู่กึ่งกลางราคาใช้สิทธิ
Long Call Options ราคาใช้สิทธิ 900 จุด สามารถใช้สิทธิได้แต่ยัง “ขาดทุน” เท่ากับ 925 – 900 – 33 = (-8) จุด
Long Call Options ราคาใช้สิทธิ 950 จุด ไม่สามารถใช้สิทธิ “ขาดทุน” เท่าค่า premium (-7.8 ) จุด
Short Call Options ราคาใช้สิทธิ 925 จุด เท่าราคาใช้สิทธิ “ได้กำไร” เท่าค่า premium 34.4 จุด
รวมกำไร 18.6 จุด หรือคิดเป็นเงิน 3,720 บาท
 

          Scenario ที่ 4 ระดับดัชนีปิดที่ 940 จุด อยู่ระหว่างราคาใช้สิทธิ
Long Call Options ราคาใช้สิทธิ 900 จุด สามารถใช้สิทธิได้ “กำไร” เท่ากับ 940 – 900 – 33 = 7 จุด
Long Call Options ราคาใช้สิทธิ 950 จุด ไม่สามารถใช้สิทธิ “ขาดทุน” เท่าค่า premium (-7.8 ) จุด
Short Call Options ราคาใช้สิทธิ 925 จุด ซึ่งโดนใช้สิทธิแต่ยัง “กำไร” เท่ากับ [(925 – 940 + 17.2) x 2] = 4.4 จุด
รวมกำไร 3.6 จุด หรือคิดเป็นเงิน 720 บาท
 

          Scenario ที่ 5 ระดับดัชนีปิดที่ 955 จุด มากกว่าราคาใช้สิทธิ
Long Call Options ราคาใช้สิทธิ 900 จุด สามารถใช้สิทธิได้ “กำไร” เท่ากับ 955 – 900 – 33 = 22 จุด
Long Call Options ราคาใช้สิทธิ 950 จุด สามารถใช้สิทธิได้แต่ยัง “ขาดทุน” เท่ากับ 955 – 950 – 7.8 = (-2.8 ) จุด
Short Call Options ราคาใช้สิทธิ 925 จุด ซึ่งโดนใช้สิทธิ “ขาดทุน” เท่ากับ [(925 – 955 + 17.2) x 2] = (-25.6) จุด
รวมขาดทุน (-6.4) จุด หรือคิดเป็นเงิน 1,280 บาท
 

          โดยสรุปคือถ้าดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 907 – 943 จุด นักลงทุนจะมีกำไร (ยังไม่หักค่าธรรมเนียมการซื้อขาย) ระดับที่มีกำไรสูงสุดคือดัชนีเท่ากับ 925 จุด หรือเท่ากับราคาใช้สิทธิสัญญา Short Call Options โดยจากตัวอย่างนี้มีกำไรรวมเท่ากับ 18.6 จุด หรือคิดเป็นเงิน 3,720 บาท แต่ถ้าดัชนีเคลื่อนไหวเกินกว่ากรอบ 907 – 943 จุด นักลงทุนจะเริ่มขาดทุน แต่อย่างไรจะจำกัดขาดทุนสูงสุดไว้ที่ (-6.4) จุด หรือ 1,280 บาท ไม่ว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวไปถึงระดับใดก็ตาม
 

**การคำนวณกำไรขาดทุนจากตัวอย่างยังไม่ได้รวมค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ในกรณีที่นำไปประยุกค์ใช้ในการลงทุนจริงจำเป็นต้องคำนวณค่าธรรมเนียมการซื้อขายร่วมด้วย

          นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในกลยุทธ์และเครื่องมือดีๆ ที่เรานำมาฝากนักลงทุนที่สนใจสามารถศึกษาเครื่องมือการลงทุนและกลยุทธ์ดีๆ เพิ่มเติม ติดตาม Smart Trick ย้อนหลังได้ผ่านทาง: https://www.tfex.co.th/site/investor/tfex-learning/article?fbclid=IwAR3kIamcTlT-qkFmMLmpZHX7KfASeSIIxTU9hzRaLrshXWlgvse3qOw1vUM

ดูรายละเอียดสินค้า Gold Online Futures เพิ่มเติมได้ที่ 
ดูรายละเอียดสินค้า Gold Futures เพิ่มเติมได้ที่ 
ดูรายละเอียดสินค้า Gold-D เพิ่มเติมได้ที่